top of page
ค้นหา

พี่วิ ช่างปัก “ความสุข ความรัก และความละเอียดอ่อนทางอารมณ์”

“ความสุข ความรัก และความละเอียดอ่อนทางอารมณ์” ของพี่วิ ผู้เล่าเรื่องราวผ่านงานปักผ้าและบทบาทของแม่ผู้อ่อนโยน



มีโอกาสได้นั่งสัมภาษณ์พี่วิ หนึ่งในช่างปักของภูครามครั้งแรก พร้อมกับบอกความในใจว่าเราคือหนึ่งในแฟนคลับของพี่วิมาตลอด ชอบฝีเข็มและวิธีการเล่าเรื่องอย่างละเอียดอ่อนของพี่วิตลอดมา จนครั้งนี้ตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้นั่งฟังเรื่องราวชีวิตและตัวตนของผู้หญิงคนนี้ จึงชวนพี่วินับย้อนความหลังครั้งแรกกับการทำงานกับภูคราม

‘ พี่ทำงานกับภูครามได้ 4 ปี นับอายุลูกสาวคนเล็กได้เลยนะ เพราะตอนลูกสาวอายุ 5 เดือน พี่ก็เริ่มมาปักงานให้ภูคราม ตอนนั้นเราออกจากงานหลัก เห็นคนอื่นปักผ้าก็เลยอยากลองทำ อยากมีรายได้ เพราะเลี้ยงลูกอยู่บ้านแล้วก็มีช่วงว่างด้วย ตอนแรกเห็นจากพี่พรรณก่อน ก็เลยมาของานจากไข่ดาว ไข่ดาวเห็นเราจับเข็มก็บอกว่า โอเคไม่ต้องสอนแล้วทำเลยพี่วิ ’


พี่วิเล่าต่อว่าก่อนหน้านี้เคยใช้ชีวิตเป็นสาวโรงงานเย็บผ้า ก่อนที่จะเริ่มเห็นความละเอียดอ่อนทั้งความคิดและอารมณ์ของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเลือกมาอยู่กับครอบครัวที่ภูพานและปักผ้ากับภูคราม


‘ ไปอยู่กทม.ตั้งแต่อายุ 18 ปี เริ่มไปอยู่จนเรามีลูกคนแรกมีครอบครัว ก่อนหน้านี้เคยทำงานเกี่ยวกับผ้ามาบ้างเคยทำโรงงานไหมพรมมาก่อนที่กรุงเทพ มันเป็นงานโพ่งผ้า แบบเสียบผ้าเข้าเครื่องแล้วให้มันหมุนไปเรื่อยๆ มีส่วน แขน หน้า คอ แล้วเอามาประกอบเข้าด้วยกัน ตอนนั้นทำกับเครื่องจักร แต่งานปักจริงจังพี่ไม่เคยทำหรอก เราก็ใช้ทักษะการเป็นแม่บ้านของเรา เช่น การเย็บเสื้อ สอยเสื้อ ซึ่งพอจะต่อยอดกับงานปักของภูครามได้ก็เลยไม่ยากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ง่ายนะ จากที่เราไม่รู้หลักการปัก ก็มาเรียนรู้วิธีการปักผ้าของภูครามว่าเขาเป็นแบบไหน เช่น ให้ปักแบบกระจาย แบบกลุ่ม ดูน้ำหนักจังหวะของมัน

จำได้ว่า ตัวแรกได้ปักผ้าพันคอเป็นลายดอกไม้ ลักษณะเป็นเครือดอกไม้เลย ไม่ได้เริ่มจากดอกภูครามเหมือนคนอื่น ผืนแรกเขาให้เราลองแบบอิสระในมุมของเราเองเลย เพราะบางคนที่เริ่มจากดอกภูครามเขาอาจจะยังไม่มีพื้นฐานเรื่องการจับเข็มปักเลยต้องเริ่มจากอะไรที่พื้นฐานที่สุด อย่างของเราพอมีทักษะบ้างแล้วเขาเลยให้เราลองปักเครือดอกไม้เลย


ปักไปตามจังหวะใจ


ทำไปเรื่อยๆก็รู้สึกสบายใจ สนุก ยิ่งทำยิ่งสนุก บางทีทำจนลืมทำกับข้าวเย็นก็มี ได้ใช้เวลาอยู่บ้านกับลูกเพราะเรามีลูกสองคนห่างกัน 2 ขวบ มีลูกน้อยเลยไปไหนไม่ได้


ตอนปักผ้าเราก็ทำตามอารมณ์อยู่ในมุมส่วนตัวใช้เวลาคิดนึกภาพเอาว่าเราอยากปักออกมาในรูปแบบไหน เห็นต้นไม้แบบ ไหนชอบต้นไม้แบบไหน ดูแล้วชอบเราก็ถ่ายรูปเก็บไว้ เช่น ต้นไม้ต้นนี้มีการเอียง มีต้นไม้ล้ม เราก็ถ่ายทอดออกมาตามความรู้สึกที่เราเห็น เช่น เวลาเราไปแก่งใหญ่ ไปนา เราเห็นต้นไม้หลายชนิด เราเห็นจังหวะต้นไม้หลายแบบ เราก็จะเอามันมาถ่ายทอดตามความรู้สึกที่เราเห็น เราไม่ได้ไปไหนมากมาย ไปแต่ทุ่งนาบ้านนอกของเรา ทำแต่สวนก็เลยเล่าได้ประมาณนี้




พี่ชอบปักสัตว์ป่าด้วย เช่น กระรอก แต่เราก็อาจจะปักมันออกมาได้ไม่สวยเท่าไหร่ ทำตัวเล็กๆ บางทีก็ปักออกมาเป็นเงา เพราะเรายังไม่สามารถปักมันได้ออกมาอย่างละเอียดขนาดนั้น เห็นคนอื่นบางคนก็ปักสัตว์ป่าตัวอื่น แต่เราอาจจะพึ่งเริ่มต้นเราก็ปักไปตามจังหวะของเรา แต่มันก็พอมองออกว่าเรากำลังสื่อสารอะไร เราอาจจะไม่ได้ปักให้มันเหมือนจริงขนาดนั้น แต่สำคัญคือ จะทำยังไงให้งานออกมาเป็นตัวเราที่สุด เพราะบางทีปักออกมายังอาจจะมีอะไรที่คล้ายๆ กับคนอื่นบ้าง นี่คือเป้าหมาย


ปักอย่างละเอียดอ่อน ใจได้ละเอียดอ่อน


พอได้ปักงานเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ รู้สึกว่า มันเป็นความละเอียดอ่อนทางความรู้สึกนะ คิดว่าเวลาเราทำงานแต่ละชิ้น เราได้ละเอียดอ่อนกับงานที่เราปักมันเหมือนกับเวลาที่เราได้เลี้ยงลูกเหมือนกัน มันต้องใช้ความรู้สึกละเอียดอ่อน เวลาเราจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีเราต้องมีอารมณ์ที่ดีเช่นเดียวกับการปักงาน การใส่ใจทั้งลูกทั้งครอบครัวเราด้วย ทำให้การเป็นทั้งแม่และช่างปักสะท้อนให้เราใจเย็นขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้เราเป็นคนพูดจาก้าวร้าว พูดไม่เพราะ แต่พอเรามาทำงานปักทำให้เราใจเย็นค่อยๆ พูด ได้พัฒนาตัวเองให้ใจเย็นขึ้น นุ่มนวลขึ้น มันชัดมากที่รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลง เราอยากให้ลูกเราเลี้ยงว่านอนสอนง่ายเป็นคนดีเราก็ต้องค่อยๆ สอน ค่อยๆเป็นตัวอย่างซึ่งการปักงานมันทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองในทิศทางที่อยากจะเป็น



เด็กๆโตมากับการที่เห็นเราปักงาน เดี๋ยวนี้เขาเริ่มแย่งเราทำ อยากปักกับแม่ เขารู้ว่าเราปักผ้าเราได้เงินมาเลี้ยงครอบครัว พอเขาเข้าใจว่าแม่ตั้งใจทำเพราะอะไรเขาก็อยากทำตาม อยากช่วยแม่หาเงิน ตัวติดแม่ตลอด เราก็ได้ดูแลเขาไปพร้อมๆ กับการทำงานด้วย

ทุกวันนี้เขาก็แอบช่วยเราปักดอกง่ายๆ ซึ่งเขาทำได้ เราก็ให้อิสระเขาปักด้วย แอบให้เขาปักผสมลงไปในงาน เป็นรูปร่างง่ายๆ เช่น วงกลม หรือปักก้อนหิน เป็นต้น


ปักความรักในงาน

รู้สึกประทับใจกับเรื่องที่เราได้มีความรักในงานนี่แหละ เพราะเราได้ทำจากสิ่งที่เป็นวิถีชีวิตของเรา ไม่ใช่งานที่บังคับให้เราต้องทำหรืออยู่ในกรอบ เป็นงานที่สบายๆ แล้วก็ดีใจที่เราได้ทำงานออกไปแล้วมีคนชอบ ภูมิใจกับเรา แต่ละผืนมันออกมาจากความสุขของเรา บางทีอารมณ์เราไม่ดีเราก็ได้พักกับงานชิ้นนั้น ก็เลยเป็นความประทับใจ ที่เราได้มีความสุขกับมัน



แต่ละเดือนเราอาจจะไม่ได้ทำตามเป้าเหมือนคนอื่น บางทีเดือนหนึ่ง ปักได้ หนึ่งผืน สองผืน แต่ทีมงานก็ไม่ได้เร่งเรา อย่างพี่เหมี่ยวก็สบายๆ พอรู้ว่าเราไม่สบายใจ ติดขัดตรงไหนที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เราทำงานไม่ได้ ก็จะรอให้เราเสร็จจากงานธุระที่บ้านก็ค่อยเอางานออกมาปัก ก็เลยสบายใจ ทำงานที่ไหนก็ไม่เคยสุขใจเท่าทำกับที่นี่ เพราะเมื่อก่อนทำโรงงานเราต้องทำตามกฏระเบียบ ตื่นเช้ามาเราต้องไปตอกบัตรหรือว่าไปทำงานมันแตกต่างกันมาก ก็รู้สึกดีมากที่ได้อยู่ที่นี่ไม่ต้องไปทำงานกรุงเทพแล้ว ถ้าจิตใจเราสบายเราก็สามารถทำงานออกมาได้หลายชิ้น




ปักฐานครอบครัว

อีกเรื่องหนึ่งคือเราเคยอยู่กับ ปู่ ย่า ของแฟนคนใหม่ พอมาปักงาน เริ่มมีรายได้มากขึ้น ก็เริ่มขยับขยายสามารถ ไปสร้างบ้านของตัวเองได้ด้วยเงินที่เราเก็บเล็กผสมน้อยนี่แหละได้เป็นทุน ทำให้เราได้อยู่บ้านของเราและมีพลังสร้างครอบครัวเราด้วย มันก็เริ่มดีขึ้น จากที่คิดว่าเราอาจจะต้องไปไปทำงานที่อื่นแล้วส่งมาให้ที่บ้านได้สร้างบ้าน แฟนก็หาทำงานรับเหมาเล็กน้อยช่วยกันจุนเจือกัน ข้อดีคือเราได้อยู่กับครอบครัวเราด้วย ทำให้เรามีความมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วย




ดู 740 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page